ระบบยืนยันตัวตน ใน iOS15ของค่ายดัง Apple อาจใช้รูปแบบการเซลฟี่ด้วยใบหน้า

ระบบยืนยันตัวตน-แบบใหม่

ทาง Apple คงจะชื่นชอบการใช้งานสแกนใบหน้าไม่น้อย เมื่อใน iOS15 จะทำการนำเอาระบบ Face ID มาใช้ใน ระบบยืนยันตัวตน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นอย่าง Wallet มากขึ้นนั่นเอง แม้ว่าฟีเจอร์ที่ทางบริษัทจะเพิ่มเข้ามายังไม่มีการเปิดใช้งานในเวอร์ชั่นเบต้าก็ตาม แต่หนึ่งในนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของแบรนด์ก็เริ่มออกมาเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่น่าจะใช้ให้สมาร์ทโฟนไม่เสี่ยงต่อการถูกแอบเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงระบบสแกนหน้ายังจะเป็นหนึ่งในฟีเจอร์หลักของอุปกรณ์ทุกตัวในอนาคตแล้ว

ระบบยืนยันตัวตน-ios15

Apple อาจใช้การเซลฟี่เพื่อ ระบบยืนยันตัวตน ใน iOS15

การเขียนโปรแกรมในระบบ iOS15 ก็มีฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกซ่อนไว้ในตัวเบต้าจนยังไม่มีใครได้สัมผัส แต่ก็มีข้อมูลที่เรา ข่าวไอทีคอมพิวเตอร์ ได้รับการเปิดเผยว่า ฟีเจอร์เพื่อรักษาความปลอดภัยในระบบตัวใหม่นี้จะถูกเพิ่มเข้ามาอย่างแน่นอน โดยการตั้งค่าบัตรประชาชนใน iPhone เพื่อในแอพพลิเคชั่นอย่าง Wallet นั้นก็จะบังคับให้มีการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน รวมถึงป้องกันไม่ให้มีการปลอมแปลงบุคคลผ่านอุปกรณ์จาก Apple อีกด้วย ซึ่งวิธีการยืนยันตัวง่าย ๆ  เลยก็ถือการถ่ายรูปเซลฟี่ของตัวเองเข้ากับระบบนั่นเอง

ระบบยืนยันตัวตน-การเปิดใช้งาน

แม้ว่าการสแกนใบหน้าจะเป็นเรื่องใหม่ใน iOS15 ก็ตาม แต่แอพพลิเคชั่นของธนาคารบางตัวก็เริ่มบังคับให้ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนผ่าน Face ID  มาแล้ว ก่อนที่ทาง Apple จะเห็นแนวทางรักษาความปลอดภัยของตัวเองจนนำเอาฟีเจอร์สำคัญนี้เข้ามา ซึ่งวิธีการสแกนก็จะต้องหันกล้องไปมาเพื่อจับลักษณะของใบหน้า ทั้งการหันข้าง ยักคิ้ว ยิ้มหรืออ้าปาก หลังจากที่ผู้ใช้ได้นำเอาข้อมุลบัตรประชาชนเข้าไปไว้ในระบบแล้วก็ทำการยืนยันใบหน้าอีกครั้งหนึ่งก็จะสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกขโมยตัวตนไปได้อีกด้วย

ระบบยืนยันตัวตน-บนมือถือ

นับว่า Apple ก็มองความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นหลักอยู่เสมอ หลังจากที่ iOS15 และอุปกรณ์ตัวใหม่ในอนาคตก็จะใช้ Face ID เพื่อยืนยันตัวตนอยู่เสมอ ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนึ่งระบบรักษาความปลอดภัยพอ ๆ กับการสแกนลายนิ้วมือที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ แต่อาจเพิ่มการสแกนหน้าเข้าไปเพื่อตอบรับกับกระแสของการโจรกรรมข้อมูลจากอิเลกทรอนิกส์ที่มากขึ้น จนหลายคนเริ่มไม่มั่นใจในระบบเก่าแล้วเช่นกัน

Continue Reading

Safari ปรับโฉมเบราว์เซอร์ ใหม่หลังจากการอัพเดทระบบปฎิบัติการเป็น iOS 15

Safari-หน้าปก

ทาง Apple ได้เตรียมที่จะออกแบบเบราว์เซอร์อย่าง Safari ใหม่อีกครั้งในการอัพเดท iOS 15 ตัวล่าสุดของพวกเขา โดยผู้ใช้ทั้ง iPhone, iPad หรือ MacBook ก็จะได้ใช้เบราว์เซอร์ที่มีหน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งกระแสตอบรับของผู้ใช้ตัวเบต้าในปัจจุบันก็มีเสียงแตกออกไป เนื่องจากมีบางส่วนที่ชอบการดีไซน์ใหม่จากบริษัทที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่อีกฝั่งหนึ่งก็มองว่า เบราว์เซอร์ของ Apple เหมือนจะย้อนกลับไปใช้ฟีเจอร์เหมือนสมัยก่อนที่ดูจะน่าผิดหวังเกินไป สำหรับคนรอของใหม่ในปี 2021 นี้

Safari

เบราว์เซอร์ Safari โฉมใหม่หลังจากการอัพเดท iOS 15

สำหรับผู้ที่ไม่อยากพลาด ข่าวไอทีคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์ อย่าลืมติดตามเราเว็บไซต์สำหรับคนทันสมัย

Safari-มาใหม่

ด้าน Safari ใน  iOS 15 ที่จะเปิดให้อัพเดทช่วงเดือนกันยายนและผู้ใช้อุปกรณ์พกพาต่าง ๆ ของพวกเขาทั้ง iPhone และ iPad ก็จะได้เจอกับการดีไซน์ที่นำเอาความเห็นของผู้ใช้มาปรับเปลี่ยนหน้าตาของเบราว์เซอร์พวกเขา ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คือแถบ Search Bar คือช่องค้นหาจะอยู่ด้านล่างของหน้าจอเช่นเดิมและจะไม่เลื่อนขึ้นไปอยู่ด้านบนเมื่อทำการค้นหาแล้วอีกด้วย รวมถึงพวกเขายังจะใส่ฟีเจอร์การรีโหลดหน้าต่างแยกในเครื่องเมื่อผู้ใช้กดค้างที่แถบค้นหา อีกทั้งแถบนี้จะสั้นลงและแสดงข้อมูลในระหว่างการใช้งานโหมดการอ่านหรือส่วนเสริมต่าง ๆ อีกด้วย

Safari-ios 15

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปของ Safari จริง ๆ ก็คือคนที่ใช้งานใน MacOS ที่ทาง Apple ได้ตัดสินใจนำเอาดีไซน์เก่าของเบราว์เซอร์ตัวเองมาใช้ ทั้งหน้าตาของแถบ URL หรือแท็บหน้าต่างเว็บไซต์ โดยช่องใส่ชื่อเว็บไซต์จะอยู่ด้านบนของแท็บต่าง ๆ นั่นเอง

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเลือกได้ว่า ต้องการจะใช้ดีไซน์แบบไหนในเบราว์เซอร์ของพวกเขา โดยเข้าไปตั้งค่าใน View และเลือก  Show Separate Tab Bar หากชอบหน้าตาดั้งเดิมที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

การอัพเดทครั้งนี้ของ Safari ก็น่าจะเพิ่มฟีเจอร์หรือตัวเลือกให้กับผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการปล่อยตัว iOS 15 แบบเบต้าก็น่าจะเป็นเพราะ Apple ต้องการถามหาความเห็นของผู้ใช้จริงว่า ต้องการเบราว์เซอร์แบบไหนในอุปกรณ์ของตัวเอง รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้ได้เลือกเบราว์เซอร์ของบริษัทมากกว่าจะเป็นการบริการจากค่ายอื่น ๆ ที่สามารถโหลดมาใช้งานได้ผ่าน App Store ของตัวเอง จนบริษัทจะต้องเร่งพัฒนาแพลทฟอร์มนี้ให้ดียิ่งขึ้น

Continue Reading